ความลับ

เพลงโปรด

จัดปาย

จัดปาย

ไปป่ะ

ไปป่ะ

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ใกล้สอบล่ะ

อึดถึกมั่วสิ้นแล้ว ซัมนา
เคมีแสดงฤทธา ถึกมาก
ทศนิยมละลานตา กุหอบ แฮ็กแฮ็ก!!!
ถึงสุดแท้ชะตาชี้ สอบซ่อม โรงอาหาร.....
ปริมาณสารยากล้น เหลือหลาย
ส่วนโมลดับมลาย แดดิ้น
หารกระจัดปัดกระจาย ติ้วติ้ว
สี่หน้าชั่วโมงเดียวไซ้ ทำได้ เทวดาเอย......

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การดูแลสุขภาพตนเอง

โดยธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น ในชีวิต ก็จะพยายามหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นอันดับแรก เมื่อรู้ว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เอง ก็จะแสวงหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น ในเรื่องความเจ็บป่วย หรือปัญหาสุขภาพก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต้องการที่จะดูแลตนเอง ให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ ดังนั้น กล่าวได้ว่า "การดูแลสุขภาพตนเอง เป็นกิจกรรมที่บุคคลแต่ละคนปฏิบัติ และยึดเป็นแบบแผนในการปฏิบัติ เพื่อให้มีสุขภาพดี" อาจแบ่งขอบเขตการดูแลสุขภาพตนเอง เป็น 2 ลักษณะคือ

การดูแลสุขภาพตนเองในสภาวะปกติ

เป็นการดูแลสุขภาพตนเอง และสมาชิกในครอบครัว ให้มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์อยู่เสมอ ได้แก่
การดูแลส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข เช่น การออกกำลังกาย การสร้างสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การป้องกันโรค เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยเป็นโรค เช่น การไปรับภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ การไปตรวจสุขภาพ การป้องกันตนเองไม่ให้ติดโรค การดูแลสุขภาพตนเองเมื่อเจ็บป่วย
ได้แก่ การขอคำแนะนำ แสวงหาวามรู้จากผู้รู้ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขต่างๆ ในชุมชน บุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติ หรือการรักษาเบื้องต้นให้หาย จากความเจ็บป่วย ประเมินตนเองได้ว่า เมื่อไรควรไปพบแพทย์ เพื่อรักษาก่อนที่จะเจ็บป่วยรุนแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือบุคลากรสาธารณสุข เพื่อบรรเทาความเจ็บป่วย และมีสุขภาพดีดังเดิม
การที่ประชาชนทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้นั้น จำเป็นต้องมีความรู้ มีความเข้าใจในเรื่อง การดูแลสุขภาพ ตั้งแต่ยังไม่เจ็บป่วย เพื่อบำรุงรักษาตนเอง ให้สมบูรณ์แข็งแรง รู้จักที่จะป้องกันตัวเอง มิให้เกิดโรค และเมื่อเจ็บป่วยก็รู้วิธีที่จะรักษาตัวเอง เบื้องต้นจนหายเป็นปกติ หรือรู้ว่า เมื่อไรต้องไปพบแพทย์ หรือเจ้า
หน้าที่สาธารณสุข

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ภาวะโลกร้อน Global Warming



ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หมายถึง การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศบนโลกสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอากาศบริเวณใกล้ผิวโลกและน้ำในมหาสมุทร ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นถึง 0.74 ± 0.18 องศาเซลเซียส และจากแบบจำลองการคาดคะเนภูมิอากาศพบว่าในปี พ.ศ. 2544 – 2643 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนก็เพราะว่าก๊าซ
เรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญถ่านหินและเชื้อเพลิง รวมไปถึงสารเคมีที่มีส่วนผสมของก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ใช้ และอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ลอยขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้รังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรจะสะท้อนกลับออกไปในปริมาณที่เหมาะสม กลับถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้กักเก็บไว้ ทำให้อุณหภูมิของโลกค่อยๆสูงขึ้นจากเดิม
ผลกระทบของภาวะโลกร้อนนั้นก็มีให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ สภาพลมฟ้าอากาศที่ผิดแปลกไปจากเดิม ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติจนมีคนเสียชีวิต รวมไปถึงโรคระบาดชนิดใหม่ๆ หรือโรคระบาดที่เคยหายไปจากโลกนี้แล้วก็กลับมาให้เราได้เห็นใหม่ และ
พาหะนำโรคที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ในอนาคตคาดว่าผลกระทบของภาวะโลกร้อนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เราสามารถช่วยกัน
ลดภาวะโลกร้อนได้หลายวิธี หลักๆก็เห็นจะเป็นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัด เพราะว่าพลังงานที่พวกเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้กว่าจะมาถึงให้เราได้ใช้นั้น ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนในการผลิตมากมาย และแต่ละขั้นตอนก็จะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา เพราะฉะนั้นการลดใช้พลังงานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เช่น การปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้ การใช้น้ำอย่างประหยัด การใช้จักรยานแทนรถยนต์ในการเดินทางใกล้ๆ และอื่นๆอีกมากมาย
การปลูกต้นไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าในเวลากลางวัน ต้นไม้นั้นจะช่วยหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และหายใจออกมาเป็นก๊าซออกซิเจน เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้ แต่ทว่าปัจจุบันป่าไม้ถูกทำลายและมีจำนวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนั้นถ้าเราทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้ ก็เหมือนกับช่วยเพิ่มเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเรา

วิธีในการช่วยลดภาวะโลกร้อน

๑. สาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนมิได้มาจากประเทศอุตสาหกรรมหรือประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก แต่เราทุกคนบนพื้นผิวโลก รวมทั้งคนไทยด้วย ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุให้เกิดภาวะโลกร้อน เพราะการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟฟ้า การเดินทาง การขนส่ง การบริโภค การสร้างที่พักอาศัย การซื้อของ ล้วนมีส่วนสำคัญในการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ
๒. ประหยัดการใช้พลังงานทุกชนิด โดยเฉพาะไฟฟ้า เพราะเชื้อเพลิงสำคัญในการผลิตไฟฟ้า คือ น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ล้วนแต่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อภาวะเรือนกระจกทั้งสิ้น เลือกอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า เช่นเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดพลังงาน เพราะหลอดไฟที่ใช้กันอยู่ทั่วไปเปลี่ยนพลังงานเพียงร้อยละ ๑๐ เท่านั้นให้เป็นแสงสว่าง ส่วนพลังงานอีกร้อยละ ๙๐ สูญเสียไปในรูปของความร้อน และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเมื่อเลิกใช้งาน

๓. หลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ส่วนตัว เพื่อเป็นการประหยัดการใช้น้ำมัน ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการโดยสารเครื่องบิน ดังที่รายงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศแนะนำว่า ควรใช้บริการรถไฟสำหรับการเดินทางในระยะทางไม่เกิน ๖๔๐ กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยลดจำนวนเที่ยวบินลงได้ถึงร้อยละ ๔๕ และบรรดานักธุรกิจควรใช้ระบบการประชุมผ่านวิดีโอแทนการให้พนักงานขึ้นเครื่องบินไปร่วมการประชุม

๔. คิดก่อนจะซื้อสิ่งของ เพราะการผลิตและการขนส่งสินค้าเกือบทุกชนิดล้วนแต่ใช้พลังงานทั้งสิ้น ก่อนจะซื้ออะไรลองถามตัวเองว่าสิ่งนั้นจำเป็นเพียงใด หรือลองเปลี่ยนจากการซื้อของใหม่เป็นการซ่อมหรือใช้ของมือสองแทน

๕. ลดการกินทิ้งกินขว้าง เพราะเศษอาหารและของที่บูดเน่าเมื่อไปทับถมอยู่ที่กองขยะจะกลายเป็นแหล่งผลิตก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง

๖. บริโภคของที่ผลิตในประเทศ เพราะการซื้อสินค้าจากต่างประเทศย่อมต้องสิ้นเปลืองพลังงานในการขนส่ง การกินอาหารท้องถิ่นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า เช่นหันมากินปลาทูแทนปลาแซลมอน เพราะนอกจากราคาถูกและทำให้เงินทองไม่รั่วไหลออกนอกประเทศแล้ว ยังช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย

๗. พกขวดน้ำติดตัวไปด้วยระหว่างการเดินทาง ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวสิ้นเปลืองพลังงานในการผลิตมหาศาล แถมยังทำให้เกิดขยะล้นโลก และในการกำจัดขยะก็ต้องใช้พลังงานอีกต่างหาก

๘. หลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติก เพราะการผลิตถุงพลาสติกใช้พลังงานอย่างมหาศาล ถ้าให้ดีนำถุงผ้าจากบ้านติดตัวไปด้วยเวลาซื้อของตามร้านค้า หากไม่จำเป็นควรบอกพนักงานขายว่าไม่เอาถุงพลาสติก เพราะเมื่อนำกลับบ้านแล้วคนส่วนใหญ่จะทิ้งลงถังขยะ ในประเทศสหรัฐอเมริกาใช้ถุงพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ถึงปีละ ๑ แสนล้านใบ


๙. ประหยัดการใช้กระดาษ อุตสาหกรรมการผลิตกระดาษใช้พลังงานมากเป็นอันดับ ๔ ทั้งยังก่อมลพิษทางน้ำ เป็นต้นเหตุของการทำลายป่าไม้ซึ่งเป็นตัวดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สำคัญด้วย

๑๐. สนับสนุนการซื้อสินค้าจากบริษัทผู้ผลิตที่สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทที่มีส่วนในการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ผลิตที่อยากมีส่วนในการปกป้องโลก และเลิกสนับสนุนสินค้าของบริษัทที่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม


กลอนเตือนใจ

ธรรมชาติให้ ลำน้ำ ฉ่ำชีวิต
มนุษย์คิด ค้นคว้า สร้างฟ้าฝน
ธรรมชาติให้ ปลาอยู่ คู่สายชล
มนุษย์ค้น เพาะปลา นานาพันธุ์
ธรรมชาติให้ ผืนดิน ถิ่นพำนัก
มนุษย์ปัก หลักวาง สร้างเมืองฝัน
ธรรมชาติให้ ใต้ดิน มีน้ำมัน
มนุษย์กลั่น ผันเพื่อ พลังงาน
ธรรมชาติให้ ฟืนไฟ ไสวส่อง
มนุษย์จอง หุงหา ทำอาหาร
ธรรมชาติให้ หินแร่ แต่โบราณ
มนุษย์พาน เผาถ่าน ปั่นเป็นไฟ
ธรรมชาติให้ ลมพาย คลายอ่อนล้า
มนุษย์หา พัดลม ประโคมใส่
ธรรมชาติให้ อากาศ เย็นชื่นใจ
มนุษย์ไซร้ ติดเย็น จนติดแอร์*
ธรรมชาติมอบ ดินไฟ สายลมน้ำ
มนุษย์ย่าม หยามใจ ทำไขแข
ธรรมชาติป่วย โลกร้อน ค่อยค้อนแล
มนุษย์แพ้ แก่ตัว เห็นทั่วกัน



















ประวัติวันวิทยาศาสตร์





วันวิทยาศาสตร์

สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มีแนวคิดว่าน่าจะถือเอาวันที่ 18 สิงหาคม เป็น วันวิทยาศาสตร์ ไทย ต่อมาวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2525 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" พร้อมทั้งกำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคม เป็น "วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ" และต่อมาได้มีการสร้าง "อุทยานวิทยาศาสตร์" ที่ บ้านหว้ากอ

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออุทยานนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" และได้รับพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อประทับนั่งบนพระเก้าอี้ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ชุดเดียวกับวันที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาบ้านหว้ากอ

นอกจากนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2527 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 18 - 24 สิงหาคม โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการต่างๆ จนได้รับความสนใจทั้งจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีได้เล็งเห็นความสำคัญ ดังนั้น เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2528 คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดำเนินการจัดงาน "สัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ" เป็นประจำทุกปี ระหว่าง วันที่ 18 - 24 สิงหาคม


วัตถุประสงค์ของการจัดงานวันสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

1. เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและพระปรีชาสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย"

2. เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศทางวิทยาศาสตร์ อันเป็นวิถีทางหนึ่งของการแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคน ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

3. เพื่อเป็นการส่งเสริมและเผยแพร่ผลงาน การค้นคว้า วิจัย ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ

4. เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่าภาครัฐและเอกชน ในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

5. เพื่อสนับสนุนให้กำลังใจและโอกาสแก่นักวิจัย นักประดิษฐ์ ได้แสดงผลงานต่อสาธารณชน

ใครหนอ@^@

ความหมายของคำว่า "แม่"


"ม่" เป็นคำโดดหรือคำไทยที่บ่งบอกความสัมพันธ์อันอบอุ่นลึกซึ้งระหว่างผู้หญิงกับลูก แม่ หมายถึง ผู้มีพระคุณ ผู้ให้กำเนิด ให้น้ำนมลูกดื่มกิน ให้ความรักความเมตตาและปกป้องดูแลลูกจนเติบใหญ่ คำว่า "แม่" มักถูกนำไปใช้ร่วมกับคำอื่น ๆ โดยมีความหมายแตกต่างกันออกไป พอจะแบ่งแยกออกได้เป็นประเภทต่าง ๆ

1. แม่ ในฐานะเป็นคำที่ใช้แบ่งแยกเพศและบ่งบอกบทบาท ฐานะ สถานภาพและอากัปกิริยาของผู้หญิง เช่น แม่… (น.) : คำเรียกหญิงทั่วไป เช่น แม่นั่น แม่นี่ ; แม่ค้า (น.) : ผู้หญิงที่ดำเนินการค้าขาย ; แม่ครัว (น.) : หญิงผู้ดูแลครัว หุงหาอาหาร ; แม่คู่ (น.) : นักสวดผู้ขึ้นต้นบท ; แม่นม (น.) : หญิงผู้ให้นมเด็กกินแทนแม่ ; แม่บ้านแม่เรือน (น.) : หญิงดูแลบ้านเรือน ; แม่แปรก (น.) : หญิงผู้จัดจ้านหรือเป็นหัวหน้ากลุ่ม ; แม่มด (น.) : หญิงหมอผี หญิงคนทรง หญิงเข้าผี ; แม่ยาย (น.) : คำเรียกแม่ของเมีย ; แม่ม่าย (น.) : หญิงที่มีผัวแล้วแต่ผัวตายหรือเลิกร้างกันไป ; แม่ยั่วเมือง (น.) : คำเรียกพระสนมเอกแต่โบราณ ; แม่ย้าว (น.) : หญิงผู้เป็นแม่เรือน ; แม่รีแม่แรด (ว.) : ทำเจ้าหน้าเจ้าตา ; แม่แรง (น.) : หญิงผู้เป็นกำลังสำคัญในการงาน, เครื่องดีดงัดหรือยกของหนัก ; แม่เลี้ยง (น.) : เมียของพ่อที่ไม่ใช่แม่ตัว, หญิงที่เลี้ยงลูกบุญธรรม ; แม่เล้า (น.) : หญิงผู้กำกับควบคุมดูแลซ่องโสเภณี ; แม่สื่อแม่ชัก (น.) : ผู้พูดชักนำให้หญิงกับชายรักกัน ; แม่อยู่หัว (น.) : คำเรียกพระมเหสี เป็นต้น


2. แม่ เป็นคำที่ใช้บ่งบอกฐานะของผู้ปกป้องคุ้มครอง เช่น แม่ย่านาง (น.) : ผีผู้หญิงผู้รักษาเรือ นางไม้ ; แม่ซื้อ, แม่วี (น.) : เทวดาหรือผีที่คอยดูแลทารก เป็นต้น


3. คำว่า แม่ ยังถูกนำมาใช้เรียกผู้เป็นหัวหน้าหรือเป็นนาย บ่งบอกฐานะของผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลและควบคุม เช่น แม่กอง แม่ทัพ เป็นต้น


ในบริบทของสังคมวัฒนธรรมไทย แม่ คือ ผู้เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อลูก ๆ คอยดูแลเอาใจใส่และประคบประหงมลูกจนเติบใหญ่ ความรักของแม่ถือว่าเป็นความรักที่บริสุทธิ์ สังคมไทยมักพูดถึงแม่ในฐานะของผู้ที่รักลูกยิ่งชีวิต พร้อมจะตกระกำลำบากเพื่อลูกของตนโดยไม่สำนึกเสียใจ นางจันทร์เทวีถูกขับออกจากเมือง ต้องระเหเร่ร่อนไร้ที่ซุกหัวนอนเพราะคลอดลูกเป็นหอยสังข์ แต่นางก็ยังรักและเฝ้าทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงโดยไม่เคยคิดรังเกียจเดียดฉันท์แม้แต่สัตว์อย่างนางนิลากาสร ก็ยังรักและหวงแหนลูกอย่างทรพี ปกป้องลูกของตนมิให้ถูกฆ่าดังเช่นลูกของตัวอื่น ๆ

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่ายมีวิธีการกระทำได้หลายวิธี

1. ควรระมัดระวังในการใช้งาน การติดไวรัสมักเกิดจากผู้ใช้ไปใช้แผ่นดิสก์ร่วมกับผู้อื่น แล้วแผ่นนั้นติดไวรัสมา หรืออาจติดไวรัสจากการดาวน์โหลดไฟล์มาจากอินเทอร์เน็ต

2. หมั่นสำเนาข้อมูลอยู่เสมอ การป้องกันการสูญหายและถูกทำลายของข้อมูลที่ดีก็คือ การหมั่นสำเนา ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

3. ติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบและกำจัดไวรัส วิธีการนี้ สามารตรวจสอบ และป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่เป็นการป้องกันได้ทั้งหมด เพราะว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ได้มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

4. การติดตั้งไฟร์วอลล์ (Firewall) ไฟร์วอลล์จะทำหน้าที่ป้องกันบุคคลอื่นบุกรุกเข้ามาเจาะเครือข่ายในองค์กรเพื่อขโมยหรือทำลายข้อมูล เป็นระยะที่ทำหน้าที่ป้องกันข้อมูลของเครือข่าย โดยการควบคุมและ
ตรวจสอบการรับส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายภายในกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

5. การใช้รหัสผ่าน (Username & Password) การใช้รหัสผ่านเป็นระบบรักษาความปลอดภัยขั้นแรกที่ใช้กันมากที่สุด เมื่อมีการติดตั้งระบบเครือข่ายจะต้องมีการกำหนดบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่าน หากเป็นผู้อื่นที่ไม่ทราบรหัสผ่านก็ไม่สามารถเข้าไปใช้เครือข่ายได้ หากเป็นระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูงก็ควรมีการเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ เป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง


###############################################
ท่องโลกอินเตอร์เน็ตอย่างมืออาชีพ

Surf Net การท่องไปในโลกอินเตอร์เน็ตด้วยโปรแกรม Web Browser (ที่คุณกำลังเล่นอยู่ในขณะนี้) ปัจจุบันถือว่าโปรแกรมที่นิยมมากที่สุดในโลกคงหนีไม่ พ้น Microsoft Internet Explorer (IE) , Netscape และ Opera นอกเหนือจากนี้ก็มีผู้ใช้บ้างเล็กน้อย ส่วนเรื่องการใช้งานก็ไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ ถ้าท่านเป็นมือใหม่ หรือต้องการท่องโลก internet อย่างมืออาชีพ ลองมาเรียนรู้จากที่นี่ได้เลยครับ (แนะนำการใช้ Internet Explorer v.5 ขึ้นไป เป็นหลัก) พร้อมแล้ว เชิญเลยครับ... การใช้งานพื้นฐานทั่ว ๆ ไป
เริ่มไปเวปไซท์แรกสิ่งที่ควรทราบเป็นอันดับแรก ช่อง Address เป็นช่องสำหรับใส่ที่อยู่ของเว็ป (URL) ที่อยู่เว็ปส่วนใหญ่ประกอบส่วนต่าง ๆ ดังนี้ เริ่มต้นด้วย htt:// ตามด้วยชื่อเวป ระวังเครื่องตัวอักษรตัวเล็กใหญ่ และเครื่องหมายอื่น ๆ ด้วย (ปัจจุบันโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ ๆ เราไม่จำเป็นต้องใส่คำว่า http:// แล้ว โปรแกรมจะใส่ให้อัตโนมัติ)
เปิดปุ๊ป เจอปั๊ป (Home Page)คุณสามารถกำหนดให้เว็ปที่คุณถูกใจมากที่สุดเป็นเว็ปท ี่เปิดโปรแกรม browser ก็เข้าไปที่เว็ปนี้ โดยคลิกเมนู Tools เลือก Internet options คลิก Use current (กรณีที่คุณกำลัง surf เว็ปที่คุณชอบอยู่)
ลิงค์ไปหน้าต่อไป (Link)ปกติแล้วถ้าท่านเลื่อนเม้าไปบริเวณต่างๆ ในเวป เช่นในส่วนรูปภาพ หรือข้อความอื่น ๆ แล้ว ไอคอนของเม้าส์เปลี่ยนเป็น รูปมือ แสดงว่าสามารถกด และลิงค์ไปยังหน้าอื่น ๆ ได้
ดูหน้าเว็ปแบบ update (Refresh) การดูเว็ปบางครั้งอาจเกิดปัญหาระหว่างการ load ภาพและข้อมูล หรือเป็นเพราะคุณเคยเข้าไปเว็ปนั้นแล้ว การดูในครั้งต่อไปโปรแกรม browser อาจโหลดจาก temp file ที่อยู่ในเครื่องของท่าน ดังนั้นเพื่อการดูเว็ปแบบ update ท่านควรกดปุ่ม Refresh หรือคลิกขวาเลือก Refresh (กดปุ่ม F5) แค่นี้ท่านก็จะได้ดูข้อมูลแบบ update ตลอดเวลา
เก็บที่อยู่เว็ปนี้ไว้ดูครั้งต่อไป (Add to Favorites) หลังจากที่คุณไปเว็ปไหนแล้วเกิดถูกใจ คุณสามารถเก็บที่อยู่ของเว็ปนั้น เพื่อสะดวกในการในการเข้าไปดูในครั้งต่อไป เพียงคลิกเมนู Favorites เลือก Add to Favorites หรือจะ คลิกขวาเลือก Add to Favorites ก็ได้ (ถ้าเป็น Netscape จะเรียกว่า Bookmarks) ส่วนการเลือกใช้ให้เข้าไปเมนู Favorites และเลือกเว็ป ที่อยู่ภายใต้เมนูนี้
เดินหน้า ถอยหลัง (Forward & Back) หลังจากที่คุณมีการกดลิงค์ไปยังหน้าอื่นๆ แล้ว ถ้าต้องการถอยกลับมา ท่านสามารถกดปุ่มที่มีคำว่า Back (ถอยหลัง) หรือกด Forward (เพื่อกลับไปยังหน้าที่เรามีการถอยหลังก่อนหน้านี้ได ้) หรือกด คลิกขวาของเม้าส์ แล้วเลือกคำสั่ง Back & Forward ได้ด้วยเช่นกัน
download รูปภาพ รูปภาพที่คุณเห็นในเว็ป สามารถแบ่งออกได้หลายอย่างเช่น ภาพทั่วไป ภาพเคลื่อนไหว ภาพฉากหลัง (background) ปกติเราสามารถนำภาพที่เราเห็นบนเว็ปเก็บไว้ดูได้ง่าย ๆ เพียงวางเม้าส์บริเวณรูปภาพ คลิกขวาของเม้าส์เลือก Save Picture As (ภาพฉากหลังจะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้)
download เว็ปทั้งหน้า เวปหน้าไหนที่ท่านต้องการเก็บไว้ดูแบบ offline (ไม่ต้อง online ตลอดเวลา เพื่อประหยัดเงิน) ท่านก็สามารถ Save เก็บไว้ได้ด้วย โดยการคลิกคำสั่ง File เลือก Save As (บางเว็ปอาจไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้)
มือใหม่ในการเล่นเวป ปัญหาของการเล่นเว็ปอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่ทราบที่อยู่ (URL) ของเว็ปนั้น ๆ แล้วจะเข้าไปได้อย่างไร ไม่อยากครับ เพียงท่านใช้ Search Engine ใช้ในการค้นหา เพียงแค่พิมพ์คำที่ต้องการ เช่น ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ สุนัข ให้พิมพ์คำว่า dog เป็นต้น สารพันปัญหาการ Surf Net
ถ้ามีปัญหาภาษาไทย ให้เข้าไปที่เมนู View เลือก Encoding และคลิกให้มีเครื่องหมายถูกหน้า Thai (Windows)
ตัวอักษรอ่านยาก ให้เข้าไปที่เมนู Tools เลือก Internet options คลิกปุ่ม Fonts และปรับค่าตามภาพ


0000000-------------------------------00000000

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้อเสีย-ข้อดี ของระบบอินเตอร์เน็ต




ข้อเสีย


1.1นักเรียน นักศึกษา และเยาวชนอาจเข้าไปในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก และไม่เป็นประโยชน์หรือยั่วยุทางอารมณ์ทำให้เป็นอันตรายต่อตนเองและทางสังคมได้ เช่น ดูเว็ปลามกทำให้เกิด ตัณหา สร้างโปรแกรมโจมตีผู้อื่นเช่นไวรัส
1.2 เว็บไซต์บางอย่างชักจูงผู้อ่านไปในทางไม่ดี หรือมีการล่อลวงทำให้เสื่อมเสียหรืออาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เว็ปไซต์การแทงพนันบอล ซื้อขายบริการทางเพศ ภาพลามกอนาจาร เกมส์ ฯลฯ
1.3เมื่อเราใช้อินเตอร์เน็ตติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จะมีผลกระทบ ต่อร่างกาย และจิตใจได้
1.4. สิ้นเปลืองงบประมาณในการซื้อคอมพิวเตอร์
1.5 ทำให้พฤติกรรมของวัยรุ่นก้าวร้าวและหมกมุ่นในกิจกรรมบางอย่างมากเกินไป จนเสียการเรียน


ข้อดี


1. เป็นแหล่งค้นคว้าข้อมูลขนาดใหญ่และมีข้อมูลที่ทันสมัย เปรียบเสมือนห้องสมุดของโลก
2. สามารถรู้ข่าวสารได้ทันโลกปัจจุบัน มีการเปรียนแปลงข้อมูลตลอดเวลาทันต่อเหตุการณ์
3. มีความสะดวก รวดเร็ว ในการติดต่อสื่อสาร
4. ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการหาข้อมูลหลาย ๆ เรื่อง
5. ให้บริการด้านระบบ โปรแกรมขององค์กรต่างที่เป็น .NET - การเสียภาษาทางอินเตอณ์เน็ต
6.เป็นแหล่งซื้อขายในระบบอิเล็คทรอนิกส์ ให้บริการทางด้าน E - ต่าง ๆ - การค้าข่ายบนอินเตอร์เน็ต - การเรียนรู้ทางอินเตอร์เน็ต - การส่งจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ - การประชุมผ่านเครือข่ายบน


เผลอรักหมดใจ

ความหมายของอินเตอร์เน็ต







ความหมายของอินเตอร์เน็ต

อินเตอร์เน็ต คือ เครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อระบบต่างๆ จากทั่วมุมโลกเข้าด้วยกัน

ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา องค์กร หน่วยงานทั้งงานราชการและเอกชน ซึ่งมีข้อมูล

มากมายที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้


อินเตอร์เน็ตกับการเรียนรู้
หากเปรียบอินเทอร์เน็ตเป็นห้องสมุดแล้ว ก็คงเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลอยู่อย่างหลากหลายและมีโปรแกรมค้นหาทำหน้าที่เป็นเหมือนกับเป็นดัชนีช่วยในการค้นหา ข้อมูลการศึกษาในประเทศไทยนั้นมีหลายหน่วยงานได้ทำโครงการสร้างแหล่งข้อมูลความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างเช่น สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดทำเว็บไซด์สำหรับครูผู้สอนหรือนักเรียนที่สนใจศึกษาความรู้ในวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ ทั้งยังเผยแพร่ความรู้และข่าวสารสำหรับการอบรมต่างๆ ทั้งนี้มีทั้งเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นวิชาการทั้งในและนอกตำราเรียน รวมถึงเรื่องราวที่น่าสนใจอีกด้วย


ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต

ตามที่กล่าวมาแล้วว่า อินเตอร์เน็ต คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ครอบคลุม ไปทั่วโลก พร้อมกับมีข้อมูลมหาศาล ทุกประเภท ให้เราค้นคว้า และรับส่งข้อมูล ไปมาระหว่างกันได้ ในตอนนี้ จะขอยกตัวอย่างประโยชน์ ของการใช้งานอินเตอร์เน็ต ด้านต่าง ๆ ให้เห็นพอสังเขป

. ในด้านการศึกษา เราต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตเพื่อค้นคว้าหาข้อมูลได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลทางวิชาการจากที่ต่าง ๆ ซึ่งในกรณีนี้ อินเตอร์เน็ต จะทำหน้าที่เหมือนห้องสมุด ขนาดยักษ์ ส่งข้อมูลที่เราต้องการ มาให้ถึงบนจอคอมพิวเตอร์ที่บ้านหรือที่ทำงานของเรา ไม่กี่วินาทีจากแหล่งข้อมูลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม ศิลปกรรม สังคมศาสตร์ กฎหมายและอื่นๆ

อีกส่วนที่เกี่ยวข้องกันก็คือ ประโยชน์การรับส่งข่าวสาร ผู้ใช้ที่ต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต สามารถรับส่งจดหมายอิเล็กตรอนิกส์ หรือ E-mail กับผู้ใช้คนอื่นๆ ทั่วโลก ในเวลาอันรวดเร็ว ได้โดยค่าใช้จ่ายต่ำมาก นอกจากนี้ ยังอาจส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แฟ้มข้อมูล รูปภาพ ข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ที่เป็นภาพและเสียง ได้อีกด้วย

สำหรับด้านธุรกิจและการค้า ช่วยในการซื้อขายสินค้าผ่านคอมพิวเตอร์ เราสามารถเลือกดูสินค้า พร้อมคุณสมบัติผ่านจอคอมพิวเตอร์ของเรา และสั่งซื้อ และจ่ายเงินด้วย บัตรเครดิตได้ทันที ซึ่งนับว่าเป็นความสะดวกสบาย และรวดเร็วมาก สินค้ามีจำหน่าย ทุกประเภท เหมือนห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ผู้ใช้ ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ หรือ สนับสนุน ลูกค้าของตน ผ่านอินเตอร์เน็ต เช่น การตอบคำถาม หรือข้อสงสัยต่าง ๆ ให้คำแนะนำ รวมถึงข่าวสารใหม่ๆแก่ลูกค้าได้

ประโยชน์อินเตอร์เน็ต ที่ผู้ใช้กันมากที่สุดอีกอย่างหนึ่ง คือ ความบันเทิง และการ พักผ่อนหย่อนใจ หรือสันทนาการ เช่น เลือกอ่านวารสารต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต ที่เรียกว่า magazine แบบ online รวมถึงหนังสือพิมพ์ และข่าวสารอื่น ๆ โดยมีภาพประกอบบนจอคอมพิวเตอร์ เหมือนกับหนังสือ ปกติที่เราดูอยู่กันทุกวัน